0

Wishlist

ไขรหัสพันธุกรรมเลือด ทาลัสซีเมีย

 ไขรหัสพันธุกรรมเลือด ทาลัสซีเมีย

  โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของรหัสพันธุกรรมหรือยีนที่มีหน้าที่สร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ฮีโมโกลบินนั้นประกอบไปด้วยกลุ่มโปรตีน 2 ชนิด คือ อัลฟ่าโกลบินซึ่งถูกกำหนดโดยโครโมโซมคู่ที่ 16 และเบต้าโกลบิล ที่ถูกกำหนดโดยโครโมโซมคู่ที่ 11 เมื่อใดที่เกิดความผิดปกติของยีนตัวใดตัวหนึ่งหรือคู่ใดคู่หนึ่ง ก็จะทำให้เกิดความผิดปกติต่อการสร้างฮีโมโกลบินทั้งในแง่ปริมาณและลักษณะ เรียกว่าภาวะทาลัสซีเมีย ความผิดปกติที่ยีนตัวเดียว ทำให้เกิดภาวะแฝงทาลัสซีเมียหรือเป็นพาหะ แต่ถ้าเกิดความผิดปกติขึ้นกับยีนคู่ใดคู่หนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นโรคโลหิตจางทาลัสซีเมีย ซึ่งแบ่งได้ 2 ชนิด ดังนี้

1. อัลฟ่าทาลัสซีเมีย คือผู้ที่ร่างกายสร้างอัลฟ่า โกลบิน โปรตีนลดน้อยลงกว่าปกติ ในเมืองไทยเองมีผู้เป็นพาหะชนิดนี้ 15-20 เปอร์เซ็นต์ ของคนทั้งประเทศ ผู้มีพาหะอัลฟ่าทาลัสซีเมีย จากการขาดหายไปของยีนอัลฟ่าเพียง 1 ตัวนั้นเรียกว่าอัลฟ่าทาลัสซีเมีย-2 ซึ่งเป็นชนิดไม่แสดงอาการและไม่มีผลต่อสุขภาพใดๆ

การตรวจเลือดทั่วไปอาจหาค่าความผิดปกตินี้ไม่ได้ ต้องใช้วิธีตรวจ DNA เท่านั้น ส่วนผู้ที่มีพาหะอีกชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากการขาดหายไปของยีนอัลฟ่าถึง 2 ตัว จะทำให้มีขนาดเม็ดเลือดแดงเล็กลงและมีภาวะซีดเล็กน้อย แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เรียกว่าเป็น อัลฟ่าธาลัสซีเมีย-1 ซึ่งมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ส่วนความเสี่ยงการส่งต่อโรคสู่รุ่นลูก เป็นดังนี้ 1) ทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะอัลฟ่าทาลัสซีเมีย-2 = ลูกเป็นโรค 100 เปอร์เซ็นต์ 2) พ่อเป็นพาหะอัลฟ่าธาลัสซีเมีย-2 แต่แม่เป็นอัลฟ่าทาลัสซีเมีย-1 = ลูกเสี่ยงเป็นโรค 25 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสปกติ 25 เปอร์เซ็นต์ และเสี่ยงเป็นพาหะแบบพ่อหรือแม่อย่างละ 25 เปอร์เซ็นต์ 3) ทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะอัลฟ่าทาลัสซีเมีย-1 = ลูกเสี่ยงเป็นโรคขั้นรุนแรง 25 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสปกติ 25 เปอร์เซ็นต์ และมีโอกาสเป็นพาหะอีก 50 เปอร์เซ็นต์

2. เบต้าทาลัสซีเมีย คือคนที่ไม่สามารถสร้างสายเบต้าโกลบินได้เพียงพอ พบมากในชาวอิตาเลียน กรีซ ตะวันออกกลาง อิหร่าน ตะวันออกเฉียงใต้ของอัฟริกา และชาวจีนตอนใต้ ส่วนชาวไทยพบว่ามีตัวเลขอยู่ที่ 3-5 เปอร์เซ็นต์ เช่นกันกับอัลฟ่าทาลัสซีเมีย เบต้าทาลัสซีเมียไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อสุขภาพ เพียงแต่จะมีภาวะซีดเล็กน้อย รวมถึงการเข้าใจผิดว่าเป็นเลือดจางเพราะขาดธาตุเหล็ก เมื่อหญิงชายที่มีพาหะเบต้าทาลัสซีเมียมาแต่งงานกัน โอกาสที่ลูกจะป่วยเป็นโรคเบต้าธาลัสซีเมียมีถึง 25 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติของฮีโมโกลบินอีกชนิด เรียกว่า ฮีโมโกลบินอี ทาลัสซีเมีย ที่พบพาหะในทั่วทุกภาคของประเทศ เมื่อผู้มีพาหะชนิดนี้แต่งงานกับผู้มีพาหะเบต้าทาลัสซีเมีย ลูกที่เกิดมาจะมีโอกาสเป็นโรคเบต้าทาลัสซีเมีย ฮีโมโกลบินอีขั้นรุนแรง ได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์

รับมืออย่างไรเมื่อเป็นพาหะ

   สังเกตง่ายๆ ว่าคุณมีแนวโน้มเป็นพาหะทาลัสซีเมียหรือไม่ โดยดูจากผลตรวจเลือดของการตรวจร่างกายประจำปี ถ้าแพทย์ระบุเพิ่มเติมว่ามีความผิดปกติของเม็ดเลือด ควรไปตรวจคัดกรองเพิ่มเติมเพื่อความมั่นใจตามโรงพยาบาลทั่วไป เมื่อทราบว่าคุณเป็นพาหะทาลัสซีเมีย ต้องทำความเข้าใจว่าคุณไม่ได้เป็นโรค แต่เป็นเพียงผู้ที่จะส่งผ่านโรคไปสู่ลูกหลานรุ่นต่อไป จึงไม่มีโอกาสป่วยและไม่กระทบต่อความสมบูรณ์ของร่างกายเลย ทั้งยังไม่จำเป็นต้องได้รับยาหรืออาหารเสริมแต่อย่างใด เพราะผู้ที่จะได้รับยาบำรุงเลือดที่เป็นธาตุเหล็กนั้น ต้องเป็นผู้ที่ถูกประเมินว่ามีภาวะขาดธาตุเหล็กร่วมด้วย ซึ่งตรวจได้โดยใช้วิธีวัดระดับเหล็กในร่างกาย หรือซีรั่มเฟอไรติน

   สิ่งเดียวที่ผู้เป็นพาหะทาลัสซีเมียทุกประเภทต้องใส่ใจ คือ การเลือกคู่ เพราะนั่นหมายถึงโอกาสเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคสู่รุ่นลูก ซึ่งเมื่อเกิดโรคแล้วต้องประคับประคองอาการหรือรักษาตลอดชีวิตด้วยการถ่ายเลือดเป็นประจำทุกเดือน พร้อมขับเหล็กอีกวันละกว่า 10 ชั่วโมง เฉพาะค่ายาและค่าเลือดก็ตกราวๆ หลักหมื่นต่อเดือนไม่รวมค่ารักษาพยาบาลอื่น

   ส่วนอีกทางเลือกในการรักษาที่ช่วยให้หายเร็วกว่าแต่ก็มีความเสี่ยงสูงและราคาแพงมาก คือ การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก แต่ใช่ว่าผู้ป่วยทาลัสซีเมียทุกรายจะรักษาด้วยวิธีนี้ได้ เพราะโอกาสที่จะหาไขกระดูกจากผู้บริจาคได้ตรงกับของผู้ป่วยนับว่ายากมาก แต่ที่สำคัญคือกระบวนการรักษายังไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ โอกาสติดเชื้อหรือร่างกายไม่รับไขกระดูกใหม่ก็มีสูง ความเสี่ยงที่ผู้ป่วยและญาติๆ ต้องทำใจนั้นจึงหมายถึงชีวิต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีข้อกำหนดสำหรับผู้ที่มีพาหะชนิดเดียวกัน ว่าห้ามแต่งงานมีลูกแต่อย่างใด แต่ควรวางแผนก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ด้วยการปรึกษาแพทย์ เพื่อหาความเสี่ยงการเกิดโรคในเด็ก ไม่ว่าจะด้วยการวินิจฉัยครรภ์อ่อนไม่เกิน 20 สัปดาห์ ด้วยการเจาะน้ำคร่ำหรือตัดชิ้นเนื้อจากรกเพื่อตรวจในห้องปฏิบัติการ หรือหากทารกในครรภ์เป็นโรคแล้วยิ่งต้องได้รับคำปรึกษาทางพันธุกรรมอย่างต่อเนื่อง

อาหารต้านทาลัสซีเมีย

   อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยทาลัสซีเมีย คือ อาหารคุณภาพดีที่ให้โปรตีนสูง และผักใบเขียวที่มีโฟเลท ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือด ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง คือ อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะตับและเลือด กุ้ง หอยแมลงภู่ หอยนางรม และสาหร่ายทะเล ที่มีธาตุเหล็กสูงกว่าเนื้อสัตว์ 3-8 เท่า แต่หากมีการรับประทานอาหารที่เหล็กสูงเข้าไป อาจดื่มเครื่องดื่มประเภทชาและนมถั่วเหลือง เพื่อไปช่วยลดการดูดซึมธาตุเหล็กได้ ที่สำคัญ ไม่ควรซื้อวิตามิน แร่ธาตุหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมารับประทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

 

 

 

อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Health นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 9 ฉบับที่ : 100 เดือน : พฤษภาคม 2552