0

รายการที่ชื่นชอบ

เตือนพ่อแม่เลือกใช้พลาสติกผิดวิธี ลูกเสี่ยงเบี่ยงเบนทางเพศ!!!

เตือนพ่อแม่เลือกใช้พลาสติกผิดวิธี ลูกเสี่ยงเบี่ยงเบนทางเพศ!!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กันยายน 2553 17:58 น.
www.manager.co.th
       ปัจจุบัน "พลาสติกบรรจุอาหาร" ไม่ว่าจะเป็นกล่องโฟม ถุงพลาสติกได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของทุกครัวเรือนไปแล้ว ซึ่งนอกจากจะไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หากเลือกใช้ไม่ถูกวิธี ยังก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ไม่น้อย ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ บ้านตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
       
       แต่สำหรับข่าวที่ทีมงาน Life and Family จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่พ่อแม่ยุคใหม่ควรพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะมีข้อมูลพบว่า หากเลือกใช้พลาสติกผิดวิธี นอกจากร่างกายจะได้รับสารพิษแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพเด็กในระยะยาว เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง และพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศได้
       
       ประเด็นนี้ แพทย์หญิงนัยนา ณีศะนันท์ กุมารแพทย์ หน่วยกุมารเวชศาสตร์สังคม สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และหัวหน้าโครงการอาหารปลอดภัย เด็กไทยพ้นภัยสารพิษพสาสติก เปิดเผยว่า ผู้บริโภคที่เป็นพ่อแม่ หรือผู้ปกครองของเด็กส่วนใหญ่ ยังขาดความรู้ และความเข้าใจในการเลือกซื้อ ตลอดจนวิธีการเลือกใช้ภาชนะพลาสติกแต่ละประเภทที่ถูกต้อง และปลอดภัย ส่งผลให้สารเคมีต่างๆ ปนเปื้อนลงไปในอาหาร เช่น สาร BPA ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการผลิตพลาสติกชนิดแข็งใสที่เรียกว่าโพลีคาร์บอเนต เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตขวดนมสำหรับเด็ก
       
       "พสาสติกชนิดนี้ เมื่อถูกกับความร้อนจากการต้มจะทำให้สาร BPA ละลายออกมาปนเปื้อนในอาหาร โดยทางศูนย์พิษวิทยาแห่งชาติ (NTP) ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า สารชนิดนี้จะส่งผลต่อระบบประสาทพัฒนาการของทารกในครรภ์ เด็กทารก และเด็กเล็ก เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งเต้านมได้ นอกจากนี้งานวิจัยในต่างประเทศยังพบต่อว่า สาร BPA มีลักษณะเป็นตัวกวนฮอร์โมน ทำให้ฮอร์โมนเพศในร่างกายของเด็ก เกิดความสับสน ส่งผลต่อการเบี่ยงเบนทางเพศ และลดความสามารถในการสืบพันธุ์ในอนาคต" พญ.นัยนาเผยข้อมูล
       
       สำหรับกรณีที่สาร BPA สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเพศของเด็กได้นั้น มีข้อมูลงานวิจัยระบุว่า เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) ของเพศหญิง ทำให้สเปริม์ลดลง สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเพศของเด็กได้นั่นเอง
       
       อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับผลของสาร BPA ต่อสุขภาพของคนในระยะยาวยังไม่ชัดเจน จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติ่ม ส่วนมาก BPA เป็นสารเคมีที่ใช้ในการผลิตพลาสติกชนิดโพลีคาร์บอนเนต (polycarbonate) มักนำไปใช้ทำขวดน้ำ เหยือกน้ำ ขวดนม ขวดน้ำบรรจุ 5 ลิตร ขวดน้ำนักกีฬา ใช้บุกระป๋องโลหะสำหรับใส่อาหาร เป็นถ้วยใส ช้อนส้อม มีดชนิดใส เป็นต้น โดยพ่อแม่สามารถลดโอกาสเสี่ยงให้ลูกได้ ด้วยการใช้ขวดนม และของเล่นที่ปลอดสาร BPA ห้ามใช้ภาชนะพสลาติกที่ทำจากโพลีคาร์โบเนตกับไมโครเวฟ และลดการบริโภคอาหารกระป๋อง แล้วหันมาบริโภคอาหารสดแทน

       จะเห็นได้ว่า พลาสติกบรรจุอาหารมีทั้งประโยชน์ และโทษ หากเลือกใช้ไม่ถูกวิธี อาจนำมาซึ่งโรคร้ายได้ เพื่อเป็นแนวทางให้กับพ่อแม่ยุคใหม่ในการเลือกใช้ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารให้ปลอดภัย ทีมงานมีข้อมูลที่เป็นประโยขน์จากโครงการอาหารปลอดภัย เด็กไทยพ้นภัยสารพิษพลาสติกมาส่งต่อเป็นความรู้กัน
       
       *** ถุงพลาสติก
       
       ถุงพลาสติกมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ ประกอบด้วย ถุงร้อนใส ทำจาก PP และถุงร้อนขุ่น ทำจาก HDPE เหมาะสำหรับการบรรจุของร้อน และอาหารที่มีไขมัน ทนความร้อนได้ถึง 100-120 องศาเซลเซียส
       แบบที่สอง คือ ถุงเย็น ทำจาก LDPE ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างใสนิ่ม ยืดหยุ่นพอสมควร เหมาะสำหรับใช้บรรจุอาหารแช่แข็ง แต่ทนความร้อนได้ไม่มาก และแบบสุดท้าย คือ ถุงหิ้ว หรือถุงก๊อบแก๊บ ทำจาก LDPE/HDPE ถุงชนิดนี้ไม่ปลอดภัยต่อการบรรจุอาหารทุกชนิด เพราะส่วนใหญ่ผลิตจากเม็ดพลาสติก recycle
       
       ดังนั้น พ่อบ้านแม่บ้าน ควรเลือกใช้ถุงพลาสติกให้เหมาะสมกับอาหารที่อุณหภูมิต่างๆ โดยดูฉลาก ส่วนอาหารทอดใหม่ๆ มีอุณหภูมิสูงกว่า 100 องศาเซลเซียส อาจทำให้ถุงพลาสติกหลอมละลาย และปนเปื้อนสู่อาหารได้ ทางที่ดี ควรพักอาหารทอดให้คลายความร้อนก่อนบรรจุใส่ถุงร้อน
       
       *** กล่องโฟม
       
       กล่องโฟมใส่อาหาร ไม่ทนต่อความร้อน ถ้าผู้ขายไม่รองใบตอง หรือถุงร้อนทั้งด้านบน และล่างของกล่องโฟมก่อนวางอาหาร เมื่อถูกความร้อนจากอาหาร สารเคมีจะละลายได้ง่ายขึ้น และออกมาปนเปื้อนกับอาหาร นอกจากนี้ ไม่ควรใช้กล่องโฟมบรรจุอาหารกับของร้อน อาหารไขมัน เพราะหากสังเกตให้ดี เมื่อเปิดฝาดูจะเห็นฝาด้านในของโฟมละลายเป็นหลุมๆ ส่วนที่หายไปก็ตกอยู่ในอาหาร
       
       อย่างไรก็ดี ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาห้ามใช้พวกพลาสติกที่เป็นโฟมที่ทำจากสไตรีนมาเป็นภาชนะที่จะบรรจุอาหารร้อน และเย็น หากจะใช้ต้องไม่ใช้กับของร้อน เพราะสารสไตรีนมีโอกาสหลุดออกมา โดยสารเคมีตัวนี้จะไปทำลายฮอร์โมนในร่างกายของเด็ก มีผลต่อสมอง ระบบประสาท เม็ดเลือดแดง ตับ และไตได้
       
       *** เมลามีน
       
       - เมื่อซื้อภาชนะเมลามีนมาใช้ใหม่ๆ ควรจะล้างด้วยน้ำร้อนก่อนการใช้งาน เพื่อชะล้างสิ่งสกปรก และฟอร์มาลดีไฮด์บางส่วนออกไป
       
       - ภาชนะเมลามีน ไม่ควรใช้ใส่อาหารที่มีอุณหภูมิเกิน 80 องศาเซลเซียส อาหารที่เป็นกรด เช่น อาหารหมักดอง น้ำส้มสายชู หรือน้ำมะนาว เป็นต้น
       
       - ไม่ควรใช้อุ่นอาหารร้อน หรือปรุงอาหารให้สุกกับเตาไมโครเวฟ แต่ถ้ามีความจำเป็น อาหารที่มีอุณหภูมิร้อนจัด เช่น น้ำเดือด ของทอดร้อนๆ จากกระทะ ไม่ควรนำมาใช้ใส่ภาชนะเมลามีนโดยตรง ต้องพักไว้ให้คลายความร้อนลงประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้อุณหภูมิอาหารลดลง ก่อนนำไปใส่ภาชนะเมลามีน
       
       หากพ่อแม่เลือกซื้อภาชนะเมลามีนให้ลูก ควรเลือกที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เพราะหากเป็นภาชนะเมลามีนที่มีคุณภาพต่ำ เมื่อได้รับความร้อนสูง จะเพิ่มอัตราการแพร่กระจายของฟอร์มาลดีไฮด์ในระดับสูงตามไปด้วย และเมื่อสะสมเข้าสู่ร่างกายนานๆ ก่อให้การมะเร็งทางเดินหายใจ และทางเดินอาหาร ร่วมทั้งระคายเคืองระบบทางเดินหายใจได้
       
       *** ขวดนมเด็ก
       

       สำหรับขวดนมลูก พ่อแม่ห้ามอุ่นขวดนมเด็กทุกชนิดในเตาไมโครเวฟ เพราะขวดนมเด็ก โดยส่วนใหญ่ผลิตจากพลาสติกชนิดโพลีคาร์โบเนต แต่ควรแช่ขวดนมในน้ำอุ่นๆ ถึงร้อนแทน ถ้าเป็นไปได้ ควรซื้อขวดนมที่ระบุว่า "ปลอดสาร BPA หรือ BPA Free" หรือเลือกขวดนมที่ทำมาจากพลาสติก PP หรือแก้วแทน ที่สำคัญ ควรทิ้งขวดนม และแก้วน้ำดื่มเมื่อพบรอยข่วน ร้อยร้าว หรือการเปลี่ยนสี
       
       ถึงแม้ว่าภาชนะพลาสติกเป็นสิ่งที่ทุกบ้านปฏิเสธไม่ได้ แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถรู้ทัน และรู้จักเลือกใช้ภาชนะพลาสติกอย่างถูกวิธีได้ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายที่จะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวระยะยาวตามมา